บทความ

 3 วิธีแก้เครียด ฉบับหมอจีน

เคยมีอาการแบบนี้กันบ้างรึเปล่าคะ? ... สมองคิดวนไปวนมาซ้ำๆในเรื่องเดิมๆ ถอนหายใจบ่อย นอนไม่หลับ หรือหลับได้แต่ฝันเยอะ ปวดหรือเวียนศีรษะ ปวดแน่นบริเวณชายโครงด้านขวา รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างติดคออยู่จะกลืนก็กลืนไม่ลง จะขากก็ขากไม่ออก ไม่อยากอาหาร มีเสียงวิ้งในหู ถ่ายไม่ออก ... ถ้ามีอาการเหล่านี้เกินครึ่งละก็ ต้องรีบอ่านฉบับนี้แล้วหละค่ะ

            อาการดังกล่าวข้างต้น หากมองจากมุมมองของศาสตร์การแพทย์แผนจีนแล้วจะพบว่ามันมีจุดเริ่มต้นมาจาก “อารมณ์ครุ่นคิด” นั่นก็คือ เวลาที่เราคิดเรื่องเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาจนร่างกายเกิดความเครียด(ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม) จะทำให้ลมปราณในร่างกายติดขัด โดยเฉพาะลมปราณของตับซึ่งเป็นอวัยวะที่ควบคุมการระบายและไหลเวียนของชี่ เลือด และสารจำเป็นต่างๆในร่างกาย คล้ายๆกับเป็นตำรวจจราจรที่คอยระบายรถที่ติดอยู่นั่นแหละค่ะ ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่รถบนท้องถนนเยอะจนตำรวจรับมือไม่ไหว ทีนี้รถก็จะติดยาวเลย ร่างกายของเราเมื่อไม่ได้ระบายอารมณ์ที่อึดอัดเหล่านี้ออกมาก็จะทำให้เกิดอาการต่างๆตามมาได้ และหากเราไม่รู้จักระบายลมปราณที่ติดขัดเหล่านี้ออกเสียบ้าง นานวันเข้าก็จะทำให้ม้าม(หรือระบบย่อยอาหาร)ทำงานด้อยลง เกิดการสะสมของเสมหะ(ที่เกิดจากม้ามพร่อง)ภายในร่างกาย ทำให้บางคนมีความรู้สึกคล้ายกับมีก้อนอะไรบางอย่างติดอยู่ภายในลำคอ จะกลืนก็กลืนไม่ลง จะคายก็คายไม่ออกนั่นเอง เมื่อเสมหะเหล่านี้ยังไม่ถูกกำจัดออกจะสะสมกลายเป็นเสมหะร้อน ทำให้เรามีอาการหน้าแดง ตาแดง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับหรือฝันเยอะ ความดันโลหิตสูงขึ้น เป็นต้นตามมาได้ในที่สุด

            การขจัดชี่ที่อัดอั้นอยู่ภายในร่างกายด้วยวิธีทางการแพทย์แผนจีนนั้นไม่ยากเลย ขอแนะนำ 3 วิธีนี้ค่ะ

         1.ออกกำลังกาย การออกกำลังกายทำได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของแต่ละคนนะคะ การออกกำลังกายจะช่วยขับเคลื่อนลมปราณที่ติดขัดอยู่ภายในร่างกายให้ไหลเวียนได้ดีขึ้น นอกจากนี้เหงื่อที่ออกมาเยอะๆยังจะช่วยระบายความร้อนในร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วยค่ะ

            2.การรับประทานอาหาร          เราควรเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยขับเคลื่อนลมปราณที่ติดขัด ระบายชี่ที่ตับ และช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ได้แก่ อาหารที่มีรสเปรี้ยว เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม มะนาว ส้มโอ ชามะนาว ผิวส้ม เป็นต้น หากมีเสมหะหรือมีความรู้สึกคล้ายมีก้อนติดอยู่ในลำคอ ควรรับประทานลูกเดือยเป็นประจำในปริมาณมากหน่อย เพื่อขับเสมหะ เสริมความแข็งแรงของม้าม ที่สำคัญไม่ควรดื่มน้ำเย็นหรือรับประทานไอศกรีมในช่วงนี้ เพราะจะทำให้ระบบย่อยอาหารหรือม้ามอ่อนแอลง และทำให้มีเสมหะมากขึ้นด้วย

            3.การกดจุด วิธีนี้สามารถกระตุ้นการไหลเวียนลมปราณในร่างกายได้เป็นอย่างดี ช่วยปรับสมดุลของตับและม้ามได้ด้วย ทำได้โดยใช้นิ้วชี้โป้งขวากดไปที่ง่ามมือข้างกระดูกระหว่างนิ้วชี้และนิ้วโป้งของมือซ้าย กดค้างไว้2-3นาที สลับกดไปมาทั้งสองข้าง เราเรียกจุดนี้ว่า “เหอกู่” อีกจุดหนึ่งที่ช่วยได้ดีคือจุด “ไท่ชง” อยู่บริเวณง่ามกระดูกระหว่างนิ้วหัวแม่เท้าและนิ้วชี้ กดค้างไว้เช่นเดียวกับเหอกู่เลยค่ะ

    

                                                     เหอกู่                                        ไท่ชง

 

            นอกจากทั้ง 3 วิธีข้างต้นที่แนะนำนี้แล้ว ก็อย่าลืมปรับสมดุลของจิตใจและอารมณ์ของตนเองด้วยนะคะ หากรู้ตัวว่ากำลังเครียดต้องรีบหางานอดิเรกทำให้จิตใจเบิกบาน หมั่นฝึกสมาธิอยู่เสมอ หากเรารู้เท่าทันและเข้าใจอารมณ์ของตัวเองแล้วเราก็จะสามารถป้องกันการเกิดโรคต่างๆได้มากมายเลยทีเดียวค่ะ

“ขอให้ทุกคนมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงอยู่เสมอนะคะ”

 

พจ.อรภา ศิลมัฐ